ค่าเสียหายส่วนแรก ทำไมประกันชั้น1ต้องจ่าย Excess

เพื่อนๆหลายคนถามกันเขามาค่อนข้างเยอะ  ทำไมซื้อประกันชั้นหนึ่งแล้วยังต้องจ่าย ค่าเสียหายส่วนแรก หรือค่า Excess  ด้วย ทั้งๆที่ตอนซื้อประกันก็ได้บอกไปและในตัวกรมธรรม์ได้ระบุแล้วว่าไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก หรือ Deduct  เพื่อนๆ สังเกตไหมว่า มันจะมีอยู่ 2 ค่า คือ ค่าเสียหายส่วนแรก ที่เป็นแบบ Excess กับ Deduct นี้แหละค่ะ ที่ไปที่มาเดียวจะมาช่วยอธิบายให้ฟังแบบสั้นๆโดยแบ่งเป็นข้อๆดังต่อไปนี้

ประกันชั้น1ทำไมต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก Excess(บางที่เรียกกันว่าค่า Accept)

ตอนแรกๆเราก็งง เหมือนทุนคนว่าทำไมเราซื้อประกันชั้น1และระบุไปในกรมธรรม์แล้วว่าเอาแบบไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก ทำไมเกิดเหตุรถมีรอยเล็กน้อย แจ้งเครม แล้วทำไม่ตองจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอีก แต่เพื่อนรู้ไหมว่าค่าเสียหายส่วนแรกมันมี 2 แบบ คือ เสียหายส่วนแรก Deduct กับ Excess กรณีที่เราระบุในกรมธรรม์มันคือค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deduct ส่วนที่เราต้องจ่ายตอนที่เรามีเครมที่ระบุเหตุไม่ชัดเจนหรือไม่มีคู่กรณีมันคือค่า Excess (บางที่เรียกกันว่าค่า Accept) ซึ่งมีความแตกต่างกัน

ค่าเสียหายส่วนแรกส่วนนี้มีไว้ให้คนขับรถเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถมากขึ้น เพราะเพื่อนๆรู้ไหมว่าความคุ้มครองของประกันจะจ่ายกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น เพราะถ้าทุกคนทำประกันชั้น1แล้วเครมทั้งๆที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุจะทำให้บริษัทประกันขาดทุนจำนวนมาก ค่า excess ตรงนี้จะช่วยป้องกันการแจ้งเครมทั้งที่ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้นจริงนั้นเอง

ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร

ค่าความเสียหายส่วนแรก คือค่าใช้จ่ายที่เราหรือผู้เอาประกันต้องจ่ายเองก่อนที่บริษัทประกันจะทำการเครมหรือชดใช้ค่าเสียหายอื่นๆ ให้ตามที่ใบเครมที่ระบุไว้ให้เรา เราจะต้องจ่ายกรณีที่การเคลมที่เราเป็นฝ่ายผิดหรือไม่สามารถยืนยันได้ว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก และเราไม่สามารถแจ้งสาเหตุร่องรอยบนรถนั้นได้ว่าเกิดจากอะไรหรือกรณีที่ไม่มีคู่กรณีนั้นเอง  โดยค่าเสียหายส่วนแรกที่เราได้ยินกันบ่อยๆ และสร้างความสับสนก็มีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งก็คือ Deductible และอีกประเภทหนึ่งก็คือ ค่า Excess (บางที่เรียกกันว่าค่า Accept) ซึ่งมีความแตกต่างกัน เราขออธิบายเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

ค่าเสียหายส่วนแรก Deduct กับ Excess ต่างกันยังไง

เราขอธิบายหลักการคร่าวๆและข้อลงรายละเอียดระหว่างค่าเสียหายส่วนแรก Deduct กับ Excess ต่างกันยังไง สั้นๆ คือ เวลาเพื่อนๆ ซื้อประกันรถยนต์เราจะเห็นในตัวกรมธรรม์ที่ระบุค่าเสียหายส่วนแรก เริ่มต้นที่ 1,000 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ทำประกันภัยรถยนต์ คือ  Deduct จะจ่ายกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดหรือทำผิดเงื่อนใขในกรมธรรม์ที่เราได้ตกลงกับบริษัทประกันไว้ไม่ว่าจะเป็น เป็นฝ่ายผิด หรือ ระบุผู้ขับขี่ก็ตาม แต่ค่าเสียหายส่วนแรกที่ไม่ได้ระบุในตัวกรมธรรม์เราเรียว่า Excess เป็นค่าความเสียหายส่วนแรกที่เป็นภาคบังคับที่จะเกิดขึ้นเฉพาะกับการเคลมประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น โดยจะถูกเรียกเก็บในกรณีที่เราไม่สามารถแจ้งให้บริษัทประกันทราบได้ว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือป่าวและอีกอย่างคือเราไม่ทราบคู่กรณีอันนี้ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก Excess  ถึงแม้ในกรมธรรม์จะไม่ได้ระบุว่าต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกก็ตาม เพื่อนๆ น่าจะเคยเจอที่เราเครมรอบคันทำไม่เราต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก 7000-8000 บาท เพราะร่องรอยเครมเราไม่ชัดเจนและไม่มีคู่กรณีนั้นเอง

ค่า Deductible หรือ ค่าเสียหายส่วนแรก Deduct คืออะไร?

ค่าเสียหายส่วนแรก Deduct คือ ค่าความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันเองสมัครใจและยอมรับเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับบริษัทประกันไว้ ถ้าทำผิดเงื่อนไขจะยิดยอมจ่ายก่อนที่บริษัทประกันจะทำจ่ายค่าเสียหายจากการเครมตามใบเครมที่ได้ระบุไว้  เป็นค่าความเสียหายส่วนแรกที่คนขับสามารถเลือกรับได้ว่าจะจ่ายเท่าไร เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาและคุณเป็นฝ่ายผิดตามเงือนไขที่ระบุในกรมธรรม์ภาคสมัครใจไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1,2,2+,3+ โดยมีตัวเลือกให้คนขับสามารถเลือกรับค่า Deductible ได้เลย แล้วทำไมเราต้องทำประกันแบบระบุค่าเสียหายส่วนแรกด้วย เพราะเราสามารถลดค่าเบี้ยต่อประกันภัยรถยนต์ได้ ถ้าเรารู้ว่าเราจะไม่ผิดตามที่เราได้ระบุในกรมธรรม์เราสามารถเลือกเงื่อนใขให้ตรงกับเราที่จะไม่ทำอยู่แล้ว จะทำให้เราสามารถประหยัดเบี้ยประกันได้เยอะเลย เช่น ยอมจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกหากเราเป็นมีผู้ขับขี่ที่ไม่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่เรารู้อยู่แล้วว่าเราขับรถมือเดียวเราก็ระบุผู้ขับขี่ เราจะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกกรณีเราเป็นฝ่ายผิดหากมั่นใจในฝีมือการขับรถของตัวเองเราก็ระบุไป โดยค่า Deductible เริ่มต้นที่ 1,000 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ทำประกันภัยรถยนต์

เครมแบบไหนที่ต้องจ่ายและไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก ( Excess หรือ Accept )

หลายๆ ที่เกิดขึ้นบ้างครั้งเราก็ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกบ้างครั้งก็ไม่ต้องจ่าย หลายๆคนอาจจะงง ว่าเหตุการแบบไหนน่าที่เราจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง เราจะได้นึกออกเวลาเกิดเหตุแล้วเราจะแจ้งเครม เราข้อบอกเล่าให้ฟังเลยแล้วกันค่ะ

เคลมแบบไหนที่ต้องจ่ายเสียค่าเสียหายส่วนแรก Excess หรือ Accept แน่นอน !!

เราขอหยิบยกกรณีต่างๆที่เราจะต้องเสีย Excess ก่อนที่บริษัทจะดำเนิดการเคลมให้เรา โดยต้องจ่ายเสียค่า Excess แน่นอน ประมาณ 1,000 บาท ต่อครั้งที่เคลม ถ้าเราเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

  • ก้อนหิน วัตถุหรือกิ่งไม้กระเด็นตกใส่รถตอนพายุลมแรง ทำให้เกิดรอยขูด หรือแผลยุบ
  • มีรอยขูด ไม่ว่าจะโดนมุ่งร้าย กลั่นแกล้งหรือขับไปครูดกับวัตถุอะไรก็ตาม
  • ขับตามรถใหญ่แล้วของหล่นใส่
  • สีปลิวจากที่ไหนไม่รู้มาติดรถ
  • กระจกรถแตก
  • ความเสียหายที่ไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้รถได้รับความเสียหายได้ชัดเจน
  • เกิดอุบัติเหตุแบบไม่สามารถระบุคู่กรณีได้
  • คู่กรณีชนแล้วหนี
  • ขับรถไปเหยียบตะปู หรือของมีคมทำให้ยางแตกหรือระเบิด

เคลมอย่างไรไม่ให้เสียค่า Excess(หรือ Accept)

การเคลมที่ไม่ต้องจ่าย ค่า Excess นั้นต้องมาจากการชน ปะทะ แตก หรือมีการบุบให้เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่รอยครูด หรือการเฉี่ยวถลอก” ทาง คปภ. ได้มีคำอธิบายเพิ่มอีกว่า การเคลมรถยนต์กับสิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่รถยนต์ เช่น รั้ว กระถาง ต้นไม้ สัตว์ ฯลฯ ที่ทำให้ตัวรถได้รับความเสียหาย ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (ค่า Excess) แต่ต้องสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงลักษณะการเกิดเหตุ วัน เวลา และสถานที่ได้อย่างชัดเจน” เพราะฉะนั้น วิธีที่คุณแจ้งเคลมมีผลต่อการจ่ายค่า Excess นี้มากๆ ดังนั้นในการเคลมไม่ว่าคู่กรณีเป็นสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต

  • ถ้าเราขับรถชนเองและระบุคู่กรณีได้ ไม่เสียค่า Excess
  • เราต้องห้ามพูดว่า “ไม่รู้” ไปโดนอะไรมา เพราะจะทำให้ต้องเสียค่า Excess แน่นอน
  • ถ้าเราขับรถชนกับรถคันอื่น แต่ ไม่มีหลักฐานหรือไม่ทราบทะเบียนรถคู่กรณี ต้องเสียค่า Excess
  • ถ้าเราขับรถไปชนสิ่งอื่นที่ไม่ใช่รถยนต์จนบุบ เช่น รั้ว กระถาง หรือเสา แบบนี้แค่ระบุลักษณะเกิดเหตุให้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเสียค่า Excess (ตามที่ คปภ. ระบุไว้)

หลักๆ ก็คือต้องแจ้งลักษณะการเกิดเหตุ และสามารถระบุวัน เวลา สถานที่ได้อย่างชัดเจน เกิดเหตุแล้วต้องแจ้งประกันทันทีเพื่อทำการเครมทันที หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็นการ เคลมสด นั้นเอง

เราข้อนำเกร็ดความรู้ภาษาประันภัยมาฝากเรื่องการเครมสดและเครมแห้ง โดยการเคลมสด คือการชนแล้วแจ้งเครมทันที สามารถระบุวันเวลาเกิดเหตุชัดเจน ส่วน การเครมเคลมแห้ง ซึ่งก็คือการเก็บสะสมรอยแผลไว้แล้วมาแจ้งเคลมทีเดียวรอบคัน จำให้ขึ้นใจเลยว่า การเคลมทั้งสองแบบนี้ให้ผลต่างกันอย่างมาก ในแง่ของการประกันภัย

เอาจริงๆ สิ่งสำคัญที่คนเราต้องรู้และพึงกระทำในการเป็นผู้ขับขี่คือเราต้อง อ่านกรมธรรม์ประกันรถยนต์ ให้ละเอียดและทำความเข้าใจเรื่องค่าเสียหายส่วนแรก จะทำให้เราเข้าใจเงื่อนไขต่างๆได้ชัดเจนและจะทำให้เราลดรายจ่ายได้อีกด้วย หวังว่าเพื่อนจะได้รับประโยชน์จากการบอกเล่าจากประสบการณ์นายหน้าตัวน้อย ไม่มากก็น้อยนะคะ ถ้าอยากเช็คเบี้ยหรือปรึกษาปัญหาประกันภัยติดต่อได้เลย 083-415-2629 ได้เลยค่ะ ยินดีให้คำปรึกษาฟรี