หากคุณยังไม่เข้าใจว่า พรบ คือ อะไร บทความนี้จะช่วยอธิบายและอธิบายความสำคัญของพรบต่างๆ ที่มีผลต่อชีวิตประจำวันของคุณ โดยจะมีการอธิบายเกี่ยวกับ พรบ ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่รถยนต์ การทำธุรกิจ และอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการดำเนินชีวิตของคุณในอนาคต แน่นอนว่าพอเราเข้าสู่วัยทำงาน มีอาชีพที่มั่นคง สิ่งที่คนจะซื้อเป็นอัดดับต้นๆ คือรถยนต์ เพื่อเป็นยายพาหนะอำนวยความสะดวกสะบายในการเดินทาง ไม่ว่าจะเดินต่างจังหวัด ทำงานนอกสถานที่ หรือไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
หลังจากที่ออกรถมาใหม่ๆ ทางศูนย์ได้จัดการเอกสารให้หมดทุกเรื่อง พอในปีต่อก็จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาหาให้ต่อประกันรถยนต์ ตอนนั้นแหละที่เรารู้ว่าจำเป็นต้องหาที่ต่อประกันรถยนต์ นอกจากการเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช๊คตามรอบอย่างสม่ำเสมอแล้ว เราต้องทำการต่อประกันรถยนต์ พรบ ภาษี ทุกปีอีกด้วย หลายคนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับพื้นฐานรถยนต์ ต้องมี 3 อย่าง ดังนี้
- “พ.ร.บ.” คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์
- ภาษีรถยนต์ หรือ ป้ายวงกลม
- ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ
พรบ คือ อะไร เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์อย่างไร
“พ.ร.บ.” ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ คืออะไร นอกจากมีไว้เพื่อต่อภาษีแล้วยังมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เราจะมาเราให้ฟัง พ.ร.บ. ก็คือประกันภัยฉบับหนึ่งที่กฏหมายบังคับให้คนมีรถต้องมี เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ให้มีค่ารักษาพยาบาล จากการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคนเดินเท้าเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเท่านั้น เราสามารถซื้อ พรบ จากบริษัทไหนก็ได้ จะมีความคุ้มและเบี้ย พ.ร.บ เท่ากันทุกบริษัท ราคาจะแตกต่างกันตามรุ่นรถ และประเภทการใช้งาน หากเกิดอุบัติเหตุ พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครอง 2 ส่วน ได้แก่ อ้างอิงค์จาก กรมขนส่งทางบก
1. เงินค่ารักษาพยาบาล
กรณีบาดเจ็บ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลตามจริง โดยจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นไม่เกิน 30,000 บาทต่อหนึ่งคน
กรณีทุพพลภาพถาวรหรือการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หากผู้ประสบภัยเกิดกรณีทุพพลภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น 35,000 บาทต่อหนึ่งคน
กรณีที่มีทั้งสองข้อจ่ายทันที ไม่เกิน 65,000 บาท
2. เงินค่าสินไหมทดแทน
ค่าสินไหมทดแทน จะได้รับหลังผ่านการสืบสวนและได้ข้อสรุปทางกฏหมายแล้วว่าเป็นฝ่ายถูก แบ่งเป็น
จ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาท
กรณีที่เกิดการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะรวมไปถึงทุพพลภาพถาวร จ่าย 300,000 บาท แต่หากอวัยวะในร่างกายตั้งแต่ข้อมือหรือแขน หรือเท้าตั้งแต่ข้อเท้ารวมไปจนถึงความสามารถในการพูด ฟัง หรือจิตพิการอย่างอื่นใด ได้รับ 250,000 บาท
ค่ารักษาตัวในกรณีที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจ่ายไม่เกิน 200 บาท/วัน จ่ายให้ไม่เกิน 20 วัน ยอดรวมไม่เกิน 4,000 บาท
โดยจำนวนเงินที่คุ้มครองยอดรวมไม่เกิน 304,000 บาท
ค่าเงินชดเชยรายวัน กรณีสูญเสียรายได้ในฐานะคนไข้ใน วันละ 200 บาท แต่สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาทหรือไม่เกิน 20 วัน
โดยวงเงินคุ้มครองความรับผิดสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง สำหรับกรณีรถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง 5,000,000 ต่อครั้ง และ วงเงินคุ้มครองความรับผิดสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง สำหรับรถยนต์กรณีเกิน 7 ที่นั่ง 10,000,000 ต่อครั้ง
ภาษีรถยนต์ หรือ ป้ายวงกลม
กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องต่อภาษีรถยนต์ ภาษีรถยนต์จะต่อได้ก็ต่อเมื่อต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ แล้วและนำเอกสารพรบ สำเนาทะเบียนรถ ยื่นต่อภาษีที่ขนส่งหรือเว็บออนไลน์ของขนส่งได้เลย แต่ถ้ารถยนต์เกิน 7 ปี เราต้องนำรถไปตรวจสภาพที่ ตรอ. แล้วนำเอกสารการตรวจสภาพ พรบ ยื่นต่อภาษีได้เลย
พอเราจะต่อเสร็จเราจะได้ป้ายวงกลมมาติดหน้ารถ เวลาตำรวจเรียกเขาจะดูว่ารถเราต่อภาษีไปแล้วหรือยังโดยดูวันหมดอายุที่ระบุไว้บนป้ายวงกลมนั้นเอง ถ้ายังไม่ต่อก็จะโดนปรับ หากต่อภาษีรถยนต์ล่าช้า จะมีค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือน บอกไว้เลยว่าถ้าขาดต่อภาษีรถยนต์ติดต่อกันถึง 3 ปี ทะเบียนรถยนต์ขาดและถูกระงับ ต้องไปขอทะเบียนใหม่ แถมยังโดนเรียกภาษีย้อนหลังอีกด้วย เพราะฉนั้นอย่าลืมกันนะคะ ทางที่ดีเมื่อใกล้ภาษีจะขาดเราสามารถต่อได้ก่อนในระยะไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันหมดอายุ และสามารถแจ้งต่อได้เลยที่ขนส่ง เดี๋ยวนี้เขามีเลื่อนล้อต่อภาษีใช้เวลาไม่ถึง5นาที เราก็จะได้ป้ายวงกลมมาติดหน้ารถได้เลยสะดวกมากๆ
วิธีการต่อภาษีออนไลน์ด้วยตนเอง
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ
นอกจาก พรบ แล้วสิ่งจำเป็นทีีคนมีรถยนต์ต้องมี คือ ประกันภัยภาคสมัครใจ ที่เรารู้จักกันโดยทั่วไป คือ ประกันชั้น 1, 2, 2+, 3+, และ 3 ซึ่งกฎหมายไม่ได้บังคับให้ทำเหมือนกับ พรบ. ตอนที่เราออกมาใหม่ๆ ศุนย์จะแถมประกันชั้น1 ซ่อมศูนย์ให้ลูกค้าติดรถมาอยู่แล้ว เพื่อคุ้มครองตัวรถยนต์ เพราะหากเกิดความเสียหายใด ๆ ขึ้น ถ้าเราไม่มีประกันรถยนต์หรือปล่อยให้ประกันขาด เราจะได้ไม่ต้องรับภาระค่าเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลยที่เดียว
เนื่องด้วยอุบัติบนท้องถนนเกิดขึ้นบ่อยมาก จึงทำให้คนมีรถยนต์ต่อประกันต์ทุกปีเพื่อโอนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้บริษัทประกันแทน เพราะโอกาสเกิดอุบัติก็มีไม่น้อยเลยที่เดียว ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2, 2+, 3+, และ 3 ก็จะมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ราคาก็ต่างกันด้วย ขึ้นอยู่กับความพึ่งพอใจของเรานั้นเอง โดยรายละเอียดความคุ้มครองแต่ละประเภทมีดังต่อไปนี้
ประกันภัยประเภท 1 หรือ ประกันชั้น 1
ประกันชั้น 1 คุ้มครองเยอะสุดแต่ไม่ได้คุ้มครองทั้งหมด จะคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด หรือแม้แต่ความเสียหายที่ไม่มีคู่กรณี เรายังคุ้มครองความเสียหายจากรถไฟไหม้ รถยนต์สูญหายหรือถูกโจรกรรม รวมไปถึงคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากภัยทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ดังต่อไปนี้
คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถจากอุบัติเหตุ โดยให้ความคุ้มครองทั้งรถยนต์ที่เอาประกันและรถยนต์ของคู่กรณี ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด
คุ้มครองกรณีรถชนสิ่งอื่นๆ ไม่ว่ารถเราจะชนเสาไฟฟ้า ไปครูดฟุตบาท หรืออะไรก็ตามที่เกิดจากอุบัติเหตุ ประกันชั้น 1 จะความคุ้มครองแม้ไม่มีคู่กรณี แต่ถ้าเกิดไม่มีคู่กรณีเราก็เสียค่าเสียหายส่วนแรกจุดละ 1000 บาท
คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก นอกจากความเสียหายต่อตัวรถเราและรถคู่กรณีแล้วยังคุ้มครองทัพย์บุคคลภายนอกเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจาก อุบัติเหตุจากรถยนต์อีกด้วย โดยรับผิดชอบตามที่กรมธรรม์ระบุไว้
คุ้มครองรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม หรือเกิดภัยทางธรรมชาติต่างๆ โดยบริษัทประกันจะรับผิดชอบ ตามทุนประกันที่ระบุไว้
การประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต ทำให้ต้องส่งฟ้องศาลคดีอาญา ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะช่วยในประกันตัวผู้ขับขี่ตามทุนประกันที่ระบุไว้
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร หรือกรณีเสียชีวิตต่อบุคคลภายนอกที่ประสบเหตุด้วยตามทุนประกันที่ระบุไว้ เฉพาะส่วนเกินวงเงินจาก พ.ร.บ.
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนบุคคล ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารบนรถยนต์ที่ประสบเหตุด้วยตามทุนประกันที่ระบุไว้ เฉพาะส่วนเกินวงเงินจาก พ.ร.บ.
คุ้มครองผลกระทบที่เกิดจากก่อการร้าย สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเกิดการก่อการร้ายให้เบาใจมากยิ่งขึ้น
ประกันชั้น 1 ไม่ว่าจะซ่อมห้าง หรือ ซ่อมอู่ ความคุ้มครองพื้นฐานที่เท่ากัน แต่จะต่างกันตรงที่ว่าจะเอาเข้าสถานที่ที่ต่างกัน เช่น ซื้อประกันชั้น1 แบบห้างก็สามารถเข้าซ่อมได้ทั้งศูนย์และอู่ แต่ถ้าเราซื้อแบบอู่เราจะไม่สามารถนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการได้ ต้องเข้าอู่ใรเครื่อบริษัทประกันที่เราได้ซื้อ เวลาที่เราเลือกบริษัทประกันสิ่งที่เราต้องคำนึกเลยคืออู่ในเครือว่ามีอู่ทีเราใช้ประจำหรือป่าว เพื่อจะทำให้เราไม่ต้องสำรองเงินจ่ายนั้นเอง
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2 หรือ ประกันชั้น 2
เนื่องจากเป็นประกันรถยนต์ประเภทที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรนัก เพราะเมื่อเกิดเหตุ เราต้องซ่อมรถเราเองเหมือนกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 แต่อย่างไรก็ตามประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 จะครอบคลุมรถคันที่ทำประกันในกรณีที่เกิดการสูญหาย หรือถูกไฟไหม้ ให้ความคุ้มครองพื้นฐานดังต่อไปนี้
ความรับผิดต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ความรับผิดต่อความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 3 หรือ ประกันชั้น 3
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองต่อตัวรถยนต์และทรัพย์สินคู่กรณีเมื่อเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่ขับรถระมัดระวัง และเป็นฝ่ายถูก และราคาถูกหลักพันต้นๆ โดยให้ความคุ้มครองพื้นฐานดังต่อไปนี้
ความรับผิดต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 4
หลายคนไม่รู้ว่าจักประกันภัย ประเภท 4 เนื่องจากเป็นประกันรถยนต์ประเภทที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรนัก เหมาะกับผู้ที่ใช้ในระยะใกล้ ๆ ใช้รถยนต์น้อย นาน ๆ ครั้งจะใช้สักที หรือแทบไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์สักเท่าใหร่โดยความคุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินบุคคลภายนอก ตามความเสียหายที่แท้จริง โดยไม่เกินจำนวนวงเงินเอาประกัน ให้ความคุ้มครองพื้นฐานดังต่อไปนี้
ให้ความคุ้มครอง ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 100,000 บาท/อุบัติเหตุแต่ละครั้ง
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 5 (ประกันชั้น 2+ ,ประกันชั้น 3+ )
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 5 หรือ ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ คุ้มครองแตกต่างจากประกันชั้น 1 ตรงที่ไม่ครอบคลุมการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น เราขับรถถอยหลังไปครูดกับเสา หรือชนเสาไฟฟ้า แบบนี้ต้องจ่ายเองเต็มๆ คุ้มครองเยอะสุดลองจากประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับคนที่ขับรถระมัดระวัง เบี้ยประกันไม่ถึงหมื่น โดยให้ความคุ้มครองพื้นฐานดังต่อไปนี้
ประเภท 5 ( ประกันชั้น 2+)
โดย ประกันชั้น 2+ และ ประกันชั้น 3+ จะคุ้มครองเหมือนกับประกันชั้น 1 แต่เงือนไขความคุ้มครองจะต่างกันตรงที่ 2+,3+ จะคุ้มครองกรณีรถชนรถบนท้องถนนเท่านั้น ชนเสาไฟ หรือฟุตบาท ไม่คุ้มครอง โดยมีความคุ้มครองดังต่อไปนี้
ความรับผิดต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ความรับผิดต่อความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์
ความรับผิดต่อความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันที่เอาประกันภัยเฉพาะกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น
ประเภท 5 ( ประกันชั้น 3+)
ประกันรถรยนต์ชั้น 3+ มีความคุ้มครองที่ต่างจาก ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ตรงที่ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะไม่คุ้มครองรถหายไฟไหม้เท่านั้น นอกนั้นเหมือนกันหมด โดยมีความคุ้มครองดังต่อไปนี้
ความรับผิดต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
ความรับผิดต่อความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันที่เอาประกันภัยเฉพาะกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบก